ฉวยโอกาสปรับขึ้นราคาสินค้า จากกรณีมีผู้โพสต์ภาพร้านที่เข้าร่วมโครงการ เราชนะ ปรับขึ้นราคาสินค้าจากราคาเดิม รวมถึงบางร้านคิดค่าภาษีเพิ่มอีก 7 เปอร์เซ็นต์ ถ้าจ่ายด้วยการผ่านโครงการ เราชนะ เรื่องนี้ นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน เผยว่า ตามที่ปรากฏเป็นข่าวว่าร้านที่เข้าร่วมโครงการ เราชนะ ฉวยโอกาสปรับขึ้นราคาสินค้าโดยไม่มีสาเหตุ ทำให้ประชาชนเดือดร้อน กรมการค้าภายในจะส่งเจ้าหน้าที่เร่งออกตรวจสอบ
จำคุกไม่เกิน 7 ปี พร้อมกับกล่าวต่อว่า โดยเน้นย้ำให้ทางร้านค้าติดป้ายแสดงสินค้าให้ชัดเจน และห้ามฉวยโอกาสปรับขึ้นราคา หรือจำหน่ายสินค่าราคาสูงเกินสมควร หากพบหลักฐานว่าร้านค้าใดจำหน่ายสินค้าแพงเกินสมควร จะดำเนินคดีตามมาตรา 29 มีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี ปรับไม่เกิน 1.4 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และหากไม่ติดป้านแสดงราคามีโทษปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท
สำรวจราคาสินค้า และจากการสำรวจราคาสินค้าในพื้นที่ ตลาดย่าโม ต.ในเมือง อ.เมืองนครราชสีมา จ.นครราชสีมา หลังรัฐบาลมีโครงการช่วยเหลือค่าครองชีพให้กับประชาชน ผ่านโครงการ คนละครึ่ง และโครงการ เราชนะ อย่างร้านขายไข่ไก่ ที่เข้าร่วมโครงการกับรัฐบาล จะขายไข่ไก่ เบอร์ 0 เฉลี่ยแผงละ 105 บาท ในขณะที่ร้านค้าบางร้านที่ไม่เข้าร่วมโครงการฯ กลับขายสูงกว่า ในราคาแผงละ 115 บาท ซึ่งแม่ค้าบอกเป็นราคาปกติอยู่แล้ว
ช่วยกระตุ้นยอดขาย ทางด้านผู้ที่ค้าขายในตลาด เผยว่า ตนเปิดร้านขายของชำซึ่งสินค้าส่วนใหญ่ที่นำมาขาย จะซื้อมาจากร้านค้าส่งขนาดใหญ่อีกทอดหนึ่ง และซื้อมาในราคาที่สูงกว่าเมื่อก่อน ซึ่งร้านค้าปลีกบางแห่งสินค้าขาดตลาด จึงจำเป็นต้องจำกัดจำนวนการซื้อ แต่โครงการนี้ก็ช่วยกระตุ้นยอดขายให้กับทางร้านได้ ถือว่ามีข้อดี แต่ต้องปรับปรุงระบบ และตรวจสอบราคาให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม จะได้ไม่เกิดผลกระทบทั้งผู้ซื้อและผู้ขายรายย่อย
เข้าข่ายฉ้อโกง นอกจากนี้ยังมีขบวนการสร้างเว็บไซต์ปลอม หรือลวงซื้อขายสิทธิโครงการ เราชนะ ซึ่งเข้าข่ายฉ้อโกงมีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
หาผลประโยชน์ในทางที่ผิดกฎหมาย ซึ่งเรื่องนี้ พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. และ โฆษกกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) เผยว่า โดยกลุ่มมิจฉาชีพอาศัยช่องว่างของโครงการ เราชนะ เข้ามาหาผลประโยชน์ในทางที่ผิดกฎหมาย และผิดเงื่อนไขของโครงการ
แอบอ้างประกาศซื้อขายสิทธิ โดยจะมีการแอบอ้างประกาศซื้อขายสิทธิ หรือรับแลกเปลี่ยนเงินที่ได้รับในแอปพลิเคชันเป็นเงินสด ซึ่งเงื่อนไขของโครงการระบุไว้ชัดเจนแล้วว่า ไม่สามารถใช้สิทธิของผู้อื่นได้ และเงินที่ได้รับจากโครงการไม่สามารถเปลี่ยนเป็นเงินสดได้ โดยใช้ชื่อเว็บไซต์ที่คล้ายกับเว็บไซต์ของทางรัฐบาลเพื่อไม่ให้ผิดสังเกต เมื่อประชาชนมาลงทะเบียนในเว็บไซต์ปลอมแล้วก็จะนำข้อมูลส่วนตัวต่างๆ ของเหยื่อไปใช้จนได้รับความเสียหาย
ควรศึกษาเงื่อนไขโครงการให้ชัดเจน พ.ต.อ.กฤษณะ ยังกล่าวเตือนผู้ที่มีพฤติกรรมในลักษณะดังกล่าวนี้ด้วยว่า การกระทำเช่นนี้เข้าข่ายความผิดฐานฉ้อโกง มีโทษจำคุก 3 ปี ปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และหากการกระทำผ่านระบบคอมพิวเตอร์ด้วยแล้ว ก็อาจมีความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ หรือกฎหมายที่เกี่ยวข้องอีกด้วย พร้อมกันนี้ยังฝากเตือนพี่น้องประชาชนว่า ควรศึกษาเงื่อนไขโครงการให้ชัดเจนก่อนลงทะเบียน อย่าลงเชื่อคนแอบอ้างหรือรับแลกเปลี่ยนอะไรก็ตามที่ขัดกับเงื่อนไขโครงการฯ
เครดิตภาพ : www.infoquest.co.th, สำนักข่าวไทย
///////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////