รัฐบาลเมียนมาประกาศหยุดยิง ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. จนถึง 30 เม.ย.นี้ รัฐบาลเมียนมาประกาศหยุดยิงทั่วประเทศ เป็นเวลา 1 เดือน หลังจากที่เมียนมาต้องเผชิญกับเหตุการณ์ความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง
การเจรจาสงบศึก โดย ทางกองทัพประกาศหยุดยิง เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองเทศกาล ติงยาน หรือ สงกรานต์ ที่จะตรงกับวันที่ 13-16 เม.ย.นี้ พร้อมถือโอกาสนี้เป็นช่วงเวลาของการเจรจาสงบศึก และสานสัมพันธ์ที่ดีระหว่างกองทัพเมียนมาและกลุ่มชาติพันธุ์
เกิดความขัดแย้ง ซึ่งการที่กองทัพเมียนมาประกาศการหยุดยิงในครั้งนี้ ไม่มีผลกับการกระทำที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงและขัดขวางการบริหารของรัฐบาล นอกจากนี้ยังเกิดความขัดแย้งที่ลุกลามไปยังประเทศใกล้เคียงอย่าง ประเทศไทย ที่ชาวกะเหรี่ยงกว่า 3,000 คน ต้องหนีตายย้ายถิ่นที่พักมาอาศัยอยู่ที่ฝั่งไทย ก่อนจะมีบางส่วนเดินทางกลับเมียนมาไปแล้วด้วยความสมัครใจ
สังหารทหารเมียนมา ซึ่งที่ผ่านมาทางรัฐบาลทหารเมียนมาได้ส่งเครื่องบินขับไล่ 2 ลำ โจมตีกองบัญชาการสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยงเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 11 ราย ขณะที่ KNU สังหารทหารเมียนมาอย่างน้อย 10 นายและควบคุมตัวทหารอีก 8 นาย ด้วยกัน
ต่อสู้เพื่อเอกราช ในเวลาต่อมา ด้าน พันเอกเนอดา เมียะ ผู้บัญชาการกองกำลังพิทักษ์แห่งชาติกะเหรี่ยงภายใต้สหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง (KNU/ KNDO) กล่าวถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-เมียนมา ด้านจังหวัดแม่ฮ่องสอน และจังหวัดตาก ว่า การโจมตีที่มั่นของเคเอ็นยู. ในพื้นที่กองพลที่ 5 โดยทหารเมียนมานั้น ฝ่ายทหารกะเหรี่ยงไม่ได้รับอันตราย และทุกคนต่อสู้เพื่อเอกราช เพื่อเสรีภาพของกะเหรี่ยง รวมทั้งอุดมการณ์ที่มีมานานแล้ว
ทหารเมียนมาไม่มีความจริงใจ ซึ่งหากฝ่ายเมียนมาไม่หยุดโจมตีฝ่ายกะเหรี่ยง จะทำให้เคเอ็นยู.ของกองพลอื่นๆ ต้องตอบโต้ฝ่ายทหารเมียนมาอย่างแน่นอน และการที่รัฐบาลเมียนมาประกาศหยุดปฏับัติการทางทหาร 1 เดือนกับชนกลุ่มน้อยทุกกลุ่ม และเว้นแต่กลุ่มที่ไปโจมตีทหารเมียนมาเท่านั้น ทหารเมียนมาไม่มีความจริงใจมากว่า การหยุดยิงน่าจะเป็นการปรับกำลัง และหาทางส่งเสบียงอาหารให้ทหาร
ประณามการกระทำรุนแรง ในเวลาต่อมามีรายงานว่า คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) องค์การในสหประชาชาติ (UN) แถลงการณ์ประณามการกระทำรุนแรงต่อประชาชนเมียนมา ซึ่งแถลงการณ์ในครั้งนี้ได้รับอนุมัติจากสมาชิกทั้ง 15 ประเทศ แสดงความเป็นห่วงต่อสถานการณ์ภายในประเทศเมียนมา และต่างเรียกร้องให้ทหารเมียนมายับยั้งการกระทำต่างๆ
ไม่เห็นด้วยกับการใช้ความรุนแรง โดยก่อนหน้านี้คำแถลงการณ์มีการใช้คำว่า ไม่เห็นด้วยกับการใช้ความรุนแรงต่อชาวเมียนมาที่ได้ทำการประท้วงอย่างสันติ และพูดถึงความพร้อมของคณะมนตรีที่สามารถออกมาตรการต่อต้านสิ่งที่เกิดขึ้น อย่างการคว่ำบาตรเป็นต้น
กำลังดูแลสถานการณ์อย่างใกล้ชิด จากคำขอร้องของจีน ในคำแถลงการณ์ไม่มีการใช้คำว่า จะออกมาตรการเพิ่มเติม ควมถึงหลีกเลี่ยงการใช้คำว่า ฆ่า และไม่พอใจ ซึ่งถ้อยคำที่ระบุถึงการออกมาตราการเพิ่มเติม ถูกเปลี่ยนเป็น กำลังดูแลสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และจะคอยติตามสถานการณ์นี้อยู่ตลอด
เคารพสิทธิมนุษยชน โดยคำแถลงการณ์นั้นจบลงด้วยการเรียกร้องให้ทุกฝ่ายยับยั้งการใช้ความรุนแรง เคารพสิทธิมนุษยชน และพูดคุยกันอย่างประนีประนอม เพื่อประโยชน์สำหรับประชาชนชาวเมียนมา
เครดิตภาพ : www.channelnewsasia.com, ข่าวสด
/////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////