เป็นที่ทราบกันดีในตอนนี้ว่า วัคซีนป้องกันโควิท-19 ได้คิดค้นและผลิตออกมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และในหลาย ประเทศได้เริ่มใช้วัคซีนกับประชาชนของพวกเขา
Pfier Incไฟเซอร์ บริษัทผู้ผลิตวัตซีนให้กับอเมริกาแจ้งว่าวัคซีนกำลังมีการพัฒนาเพิ่มเติมและผลของการฉีดตอนนี้ยังต้องใช้เวลาสักระยะในการทำปฏิกิริยาในร่างกาย ผลของวัคซีนไม่ว่าจะเป็นผลข้างเคียงหรือผลตอบสนองในการรักษา ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความแข็งแรงและการมีโรคประจำตัวของผู้รับวัคซีน

วัคซีนนี้ได้ถูกใช้งานจริงเข็มแรกกับเจ้าหน้าที่พยาบาลในโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง หลังจากที่เขาเสร็จจากงานดูแลผู้ป่วย โรงพยาบาลในช่วงคริสมาสต์อีฟ เขาเริ่มมีอาการหลังจากนั้น มีอาการไข้สูง อ่อนเพลียในทันทีป่วย อาการป่วยของเขาเริ่มรุนแรง เขาได้เข้ารับการตรวจร่างกายและผลออกมาเป็นบวก เขาได้รับวัคซีนในทันที และหลังจากนั้นอาการของเขาเริ่มดีขึ้นเป็นลำดับ เขาไม่มีอาการข้างเคียงจากวัคซีน มีเพียงแค่อาการปวดกล้ามเนื้อแขนจากการฉีดวัคซีนเท่านั้น
ตอนนี้ไฟเซอร์ให้ข้อมูลว่า ขณะนี้การติดตามผลวัคซีนป้องกันโควิท-19 ปฏิกิริยาหลังจากที่ได้รับวัคซีนเข็มแรก เข็มแรกจะใช้เวลา 10 วันในการร่างกายมีภูมิคุ้มกัน หลังจากนั้นต้องกระตุ้นเพื่อให้ได้ผลและมีประสิทธิภาพสูงสุดในวัคซีนเข็มที่ 2
ระดับประสิทธิภาพของวัคซีนในโดสแรก วัคซีนจะเริ่มทำงานในการลดอาการเบื้องต้นและเริ่มสร้างภูมิคุ้มกันไวรัสโควิทในร่างกายได้ร้อยละ 50 และใช้ระยะเวลาราว 2 สัปดาห์ในการรับวัคซีนอีกครั้งในโดสที่ 2 วัคซีนจะเริ่มมีประสิทธิภาพการป้องกันที่แข็งแกร่งขึ้นมากถึงร้อยละ 95 นั่นคือหลังจากการรับวัคซีน 1 เดือน ผู้ป่วยโควิทจะมีอาการดีขึ้นเป็นลำดับ และทำให้ร่างกายสามารถสร้างภูมิคุ้มกันโควิทด้วยตัวเอง
ในขณะนี้อเมริกาได้เริ่มทำการฉีดวัคซีนให้กับบุคลากรด้านการแพทย์ โดยผู้ได้รับวัคซีนเข็มแรกเป็นพยาบาล และคาดว่าวัคซีนจะเริ่มแจกจ่ายและฉีดให้กับประชาชนอเมริกันเป็นจำนวนกว่าร้อยล้านคนซึ่งนับว่าเป็นข่าวดีของชาวอเมริกันในสถานการณ์ตอนนี้

และยังมีการพูดถึงการรับวัคซีนของประชาชนกลุ่มใหญ่ เพื่อให้เกิดสภาวะภูมิคุ้มกันหมู่ Herd immunity ก็คือการฉีดวัคซีนในกลุ่มที่มีผู้ติดเชื้อเป็นจำนวนมากเพื่อให้เกิดภูมิคุ้มกันที่แข็งแกร่งและสามารถดูแลผู้ติดเชื้อในกลุ่มเล็กได้ และนั่นหมายความว่า ภูมิคุ้มกันหมู่ จากกลุ่มประชากรของประเทศ จะเป็นกลุยุทธ์ในการบริหารการแพร่ระบาดของโควิท-19 ในระยะยาวอย่างได้ผล
ในขณะนี้หลายประเทศทั่วโลกได้เริ่มมีการผลิตและสั่งซื้อเพื่อฉีดให้กับประชาชนของตน และเริ่มทำการวิจัยแบบเข้มข้น เพื่อพัฒนาการรักษาในขั้นสูงสุดต่อไป