คดีล่วงละเมิดเด็กชาย ดีเอสไอ บุกจับ เนเน่ โมเดลลิ่งชื่อดัง ที่บ้านพักย่าน จ.ปทุมธานี ในคดีล่วงละเมิดเด็กชาย พร้อมยึดภาพลามกของเด็กกว่า 5 แสนภาพ โดยมี พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พร้อมด้วย พ.ต.อ.อัครพล บุณโยปัษฎัมภ์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ และเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุม นายดนุเดช แสงแก้ว หรือ เนเน่ ที่ถือว่าเป็นโมเดลลิ่งเด็กที่มีชื่อเสียงชองไทย
นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่มีลักษณะอันลามก โดยการเข้าจับกุม เนเน่ โมเดลลิ่งในครั้งนี้ ด้วยข้อหา นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใดๆ ที่มีลักษณะอันลามก และข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้, กระทำชำเรา และพยายามกระทำชำเราเด็กอายุยังไม่เกิน 13 ปี ซึ่งมิใช่ภริยาหรือสามีของตน โดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม
รวมถึงข้อหา กระทำอนาจารแก่เด็กอายุไม่เกิน 13 ปี โดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม และพาเด็กอายุยังไม่เกิน 15 ปี ไปเพื่อการอนาจาร แม้ผู้นั้นจะยินยอมก็ตาม และพรากเด็กอายุยังไม่เกิน 15 ปีไปเสียจากบิดา มารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแล เพื่อการอนาจาร
เป็นการได้มาซึ่งภาพลามกอนาจารเด็กที่มากที่สุด จากการสืบสวนจับกุม นายดนุเดช ในครั้งนี้พบคลังภาพลามกอนาจารเด็กมากกว่า 500,000 ไฟล์ภาพ ที่นับว่าเป็นการได้มาซึ่งภาพลามกอนาจารเด็กที่มากที่สุด และยังเกี่ยวพันกับการล่วงละเมิดทางเพศเด็กอีกหลายพันราย ภายใต้ความร่วมมือของหน่วยงานทั้งภายในประเทศ และต่างประเทศ
มีพฤติการณ์ล่วงละเมิดทางเพศเด็ก โดยเรื่องนี้ พ.ต.ท.กรวัชร์ อธิบดีดีเอสไอ เผยว่า ดีเอสไอโดยกองกิจการต่างประเทศและคดีอาชญากรรมระหว่างประเทศ ได้รับเรื่องจากสำนักงานตำรวจสหพันธ์ออสเตรเลีย (Australian Federal Police) เกี่ยวกับบุคคลสัญชาติไทยที่อาจมีพฤติการณ์ล่วงละเมิดทางเพศเด็กในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ซึ่งทางเราได้รับข้อมูลเป็นภาพถ่ายโป๊เปลือยเด็กเพียงภาพเดียว ก่อนจะนำไปสู่การปฏิบัติการแบบบูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในครั้งนี้
ประสานกับองค์กรเอกชนที่ไม่แสวงผลกำไร พร้อมกับกล่าวต่อว่า จากการสืบสวนและจับกุม นายดนุเดช ในครั้งนี้ อาจถือได้ว่าเป็นการพบคลังภาพลามกอนาจารเด็กชายมากกว่า 500,000 ไฟล์ภาพ นับว่าเป็นการได้มาซึ่งภาพลามกอนาจารเด็กที่มากที่สุดที่ตรวจพบในไทย และเกี่ยวพันกับการล่วงละเมิดทางเพศเด็กจำนวนหลายพันราย รวมถึงทางดีเอสไอได้ประสานกับองค์กรเอกชนที่ไม่แสวงผลกำไร
โดยประกอบไปด้วย องค์กร Operation Underground Railroad (O.U.R.), มูลนิธิเอ-ทเวนตี้วัน (A21 Foundation), องค์กร LIFT International, มูลนิธิพิทักษ์สตรี (AAT), TCLS Legal Advocate และศูนย์กฎหมายเพื่อสังคม เพื่อการช่วยเหลือเยียวยาผู้เสียหายทั้งด้านร่างกายและจิตใจ รวมถึงช่วยในการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนแก่ผู้เสียหายต่อไป
การร่วมมือระหว่างประเทศ สำหรับการจับกุมผู้ต้องหาในครั้งนี้ ได้สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของการร่วมมือระหว่างประเทศ ในการแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านข่าวสาร ตลอดจนความร่วมมือในการสืบสวน และการบังคับใช้กฎหมายที่มีความเชื่อมโยงในการกระทำผิดในหลายทวีปทั่วโลก
ช่วยเหลือเด็กที่ตกเป็นเหยื่อ ซึ่งกรมสืบสวนคดีพิเศษจะมีการจัดแถลงรายละเอียดถึงความร่วมมือ และแนวทาวในการดำเนินการร่วมกันต่อไป อันจะนำไปสู่การช่วยเหลือเด็กที่ตกเป็นเหยื่อของการแสวงหาผลประโยชน์ทางเพศ ที่เป็นความผิดทั้งทางกฎหมายและศีลธรรม
เครดิตภาพ : สยามรัฐ, ข่าวสด
/////////////////////////////////////////////////////////