กลุ่มรีเดม พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) และ พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รอง ผบช.น. ในฐานะ โฆษก บช.น. แถลงข่าวสรุปภาพรวมการชุมนุมของกลุ่มรีเดม เมื่อวันที่ 20 มี.ค.ที่ผ่านมา หลังจากมีการนัดชุมนุมของกลุ่มรีเดม (Redem) กลุ่มศิลปะปลดแอก และกลุ่มเพื่อนอานนท์ ที่บริเวณท้องสนามหลวง โดยมีผู้ชุมนุมเข้าร่วมประมาณ 1,000 คน จนกระทั่งมีเหตุปะทะกันระหว่างประชาชนกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ
ผู้ชุมนุมมีการใช้ความรุนแรง ซึ่งจากเหตุการณ์การชุมนุมในวันที่ 20 มี.ค. นั้นผู้ชุมนุมมีการใช้ความรุนแรง ไม่ว่าจะเป็นการทำร้ายเจ้าหน้าที่ ไม่ว่าจะเป็นไม้, แผลเหล็ก, ระเบิดปิงปอง รวมถึงมีการทำลายทรัพย์สินทางราชการทุบตีรถตู้ของทางราชการจนเกิดความเสียหายในที่สุด
เผาพระบรมฉายาลักษณ์ นอกจากนี้ยังมีการเผาพระบรมฉายาลักษณ์ พ่นสีและการลากตู้คอนเทนเนอร์ที่ทางเจ้าหน้าที่วางกั้นไว้ รวมถึงใช้คีมตัดเหล็กตัดรั้วลวดหนามของเจ้าหน้าที่, ขว้างปาก้อนหิน และของแข็งอื่นๆ ใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยถือว่าไม่เป็นไปตามเจตนาของการชุมนุมโดยสงบ ทำให้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจและประชาชนได้รับบาดเจ็บ
เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อย ซึ่งตั้งแต่การเริ่มชุมนุมในเวลา 18.00 – 00.30 ของวันที่ 21 มี.ค. เจ้าหน้าที่มีความจำเป็นต้องเข้าจับกุมผู้ชุมนุมเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อย และจากการชุมนุมดังกล่าวสามารถจับกุมผู้กระทำผิดได้ 20 ราย แจ้งหลายข้อหา
ผู้ชุมนุมยังมีแกนนำตามปกติ พล.ต.ต.ปิยะ รอง ผบช.น. เผยว่า ความรุนแรงที่เกิดขึ้นเกิดจากผู้ชุมนุมเป็นหลัก ตำรวจเป็นฝ่ายตั้งรับและรักษากฎหมาย มีหน้าที่รักษาความสงบและรักษาสาธารณสมบัติและโบราณสถานของชาติ ซึ่งลักษณะการชุมนุมที่อ้างว่าไม่มีแกนนำ แต่การสืบสวนเชิงลึกกลุ่มผู้ชุมนุมยังมีแกนนำตามปกติ เพียงแต่ไม่ปรากฏตัวเท่านั้น
ขว้างระเบิดใส่ตำรวจ ซึ่งระหว่างแถลงข่าว พล.ต.ต.ปิยะ ยังนำภาพชายสวมเสื้อลายสก็อต พร้อมระบุฝากประชาสัมพันธ์ถึงนักสืบโซเชียลให้ช่วยตามหาตัวบุคคลดังกล่าว เนื่องจากเป็นผู้ขว้างระเบิดใส่ตำรวจจำนวนหลายลูก หากใครพบเห็นให้แจ้ง บช.น. หรือกองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บก.สส.บช.น.)
ประกาศเตือน นอกจากนี้ พล.ต.ต.ปิยะ ยังกล่าวต่อถึงกรณีมีสื่อมวลชนหลายรายถูกยิงด้วยกระสุนยาง ระหว่างการเข้ากระชับพื้นที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า ได้กำชับการใช้เครื่องมือควบคุมฝูงชนให้เป็นไปตามระเบียบ มีการประกาศเตือนพี่น้องสื่อมวลชน แพทย์อาสา และประชาชนให้ออกจากพื้นที่ แต่ยังมีสื่อมวลชนที่ยังออกไม่หมด ทำให้ถูกลูกหลงช่วงชุลมุน ทางพล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น. รับทราบแล้ว และจะเดินทางไปเยี่ยมอาการ
เป็นความผิดพ.ร.ก.ฉุกเฉิน และ พ.ร.บ.โรคติดต่อ ด้าน พล.ต.ต.ยิ่งยศ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวทิ้งท้ายว่า ขอย้ำว่าการชุมนุมในห้วงเวลานี้ ยังเป็นความผิดพ.ร.ก.ฉุกเฉิน และ พ.ร.บ.โรคติดต่อ
ไม่อยากให้ผู้ชุมนุมกระทำผิดกฎหมายไปมากกว่านี้ รวมถึงการที่ตำรวจจำเป็นต้องใช้เครื่องกีดขวางในพื้นที่ชุมนุม เนื่องจากเกรงจะกระทบกับสถานที่สำคัญของราชการ และไม่อยากให้ผู้ชุมนุมกระทำผิดกฎหมายไปมากกว่านี้ ถือเป็นการระงับยับยั้งไว้ระดับหนึ่งยังดีกว่าเกิดความเสียหายกับผู้ชุมนุม และสถานที่ราชการสำคัญ
ไม่เป็นอันตรายต่อชีวิตของผู้ชุมนุม พร้อมกับกล่าวต่อว่า เรามีมาตรการที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล และไม่เป็นอันตรายต่อชีวิตของผู้ชุมนุม เราพยายามดูแลสถานการณ์ให้อยู่ในความสงบ และไม่เกิดความรุนแรงให้มากที่สุด มีการแจ้งเตือนเป็นระยะๆ เพื่อควบคุมพื้นที่ให้เกิดความปลอดภัยมากที่สุด ดังนั้นสิ่งที่ทำลงไป ยืนยันว่าทำไปเพื่อรักษากฎหมาย
เครดิตภาพ : มติชนออนไลน์, ข่าวสด
///////////////////////////////////////////////////////////////////////