พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ใช้อำนาจตามพรก.ฉุกเฉินออกห้ามชุมนุมมั่วสุมเพื่อสกัดเชื้อไวรัส โควิด-19

เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2563 ในเว็บไซต์ราชกิจจานูเบกษาได้เผยแพร่ข้อกำหนดตามความในมาตรา9 การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินพ.ศ. 2548 ฉบับที่ 5 มีเนื้อหา8ข้อรายละเอียดที่น่าสนใจมีดังนี้
1.ห้ามใช้หรือเข้าไปในพื้นที่เสี่ยงต่อการติดโรคตามคำสั่งของทางผู้ว่าราชการจังหวัดหรือเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อประกาศไว้ทั้งนี้เพื่อป้องกันและควบคุมไม่ให้เกิดการแพทยระบาดของโรค โควิด-19
2.การห้ามการเปิดการปิดสถานที่ที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อโรคโดยมอบหมายให้ผู้ว่าพิจารณาสั่งปิดสถานที่ที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อและการแพทยระบาดของโรค โควิด-19 ไว้เป็นการชั่วคราว
3.ห้ามการชุมนุม ห้ามการมั่วสุม การกระทำกิจกรรมหรือการมั่วสุมกัน ในสถานที่แออัดหรือการกระทำดังกล่าวเป็นการยุยงให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อยทั้งนี้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ภายในเขตเป็นผู้รับผิดชอบการกำหนด
4. ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ดำเนินการเฝ้าระวังตรวจและคัดกรองแรงงานแต่งต่างด้าวหากต้องมีการเดินทางและเคลื่อนย้ายแรงงานต่างด้าว
5.การปฏิบัติใช้บังคับมาตรการป้องกันโรคนี้ให้ทางราชการพนักงานเจ้าหน้าที่และเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อดำเนินการให้กับประชาชนปฏิบัติตามตามมาตรการป้องกันโรคอย่างเคร่งครัด

โดยข้อกำหนดฉบับนี้ได้ลงนามโดย พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และมีผลกำหนดบังคับใช้ตั้งแต่ 25 ธันวา 2563 โดยให้เหตุผลว่า สถานการณ์ปัจจุบันพบการระบาดของโรคในละลอกใหม่แล้วในบางเขตพื้นที่ รัฐเลยมีความจำเป็นที่จะต้องดำเนินการกระชับและยกระดับมาตรการต่างๆ ที่จำเป็นเพื่อเข้าไปแก้ไขสถานการณ์ที่เกิดขึ้นให้อย่างทันท่วงที เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการระบาดลุกลามเป็นวงกว้างออกไปอีก
ในขณะนี้ประเทศไทยอยู่ภายใต้พรก.ฉุกเฉินมานาน9เดือนแล้ว หลังจากรัฐบาลประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินเมื่อ 26 มีนาคม 2563 เพื่อป้องกันและยับยั้งการระบาดของโรคติดต่อเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 ซึ่งต่อมามีมติขยายระยะเวลาการบังคับใช้กฎหมายออกไปอีกต่อเนื่องถึง8ครั้งและจะไปสิ้นสุดในวันที่ 15 มกราคม 2564
แม้รัฐบาลจะบอกว่าการต่ออายุพลก่อฉุกเฉินทุกครั้งไม่ได้มาจากนัยยะทางการเมือง แต่เพื่อใช้พรก.ฉุกเฉินสกัดโรคไม่ได้ใช้สกัดม็อบ เพราะรัฐบาลต้องเผชิญกับแรงกดดันบนท้องถนนต่อเนื่อ 6 เดือนจากการชุมนุมของผู้เรียกร้องประชาธิปไตยและการปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ที่เรียกตัวเองว่า ‘ราษฎร
ซึ่งยังเป็นข้อถูกเถียงในกระแสสังคมกันมาตลอดว่า รัฐบาลต้องการสกัดโรคจริงๆหรือ หรือใช้อำนาจในการประกาศพรก.ฉุกเฉินเป็นอำนาจในการคุมม็อบเพื่อบังคับให้ทุกคนไม่ต้องออกมาเคลื่อนไหวทางการเมืองโดย ทำว่าห่วงใยประชาชน ไม่อยากให้ประชาชนต้องติดโควิด-19 และแพร่เชื้อออกไปอีก

ผ่านมา 10 วันนับจากการเกิดการระบาดละลอกใหม่จากตลาดกุ้งจังหวัดสมุทรสาครเมื่อวันที่ 17 ธันวาคมที่ผ่านมาประเทศไทยพบผู้ติดเชื้อโคล วิท-19 แล้ว33จังหวัดมีผู้ป่วยสะสม 185 คนที่เชื่อมโยงกับจังหวัดสมุทรสาครตอนนี้เหลือเพียง 44 จังหวัดที่ยังไม่มีรายงานผู้ป่วย
แม้รัฐบาลจะพยายามแสดงตนว่าการประกาศพรก.ฉุกเฉินนั้น เพื่อประเทศได้เกิดความสงบเรียบร้อยในช่วงที่เกิดการแพร่ระบาดไปทั่วทั้งโลกอย่า่งงี้ ประชาชนส่วนใหญ่ก็ยังคงหวั่นใจอยู่ดีว่านี่มันคือีกหมากทางการเมืองของรัฐบาลรึเปล่า