ประท้วงรัฐประหารในเมียนมา ดูเหมือนว่าการประท้วงรัฐประหารในเมียนมาจะทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เพราะมีทั้งผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ และผู้เสียชีวิตอีกจำนวนมาก แต่ดูทีท่ารัฐบาลทหารเมียนมาจะไม่สะทกสะท้าน ยังเดินหน้าปะทะกับกลุ่มผู้ชุมนุมแบบไม่มีการลามือ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ประท้วงนี้รวมกันมากถึง 440 รายด้วยกัน
วันนองเลือดที่รุนแรงที่สุด โดยเมื่อวันที่ 27 มี.ค.ที่ผ่านมานั้น ถือเป็นวันนองเลือดที่รุนแรงที่สุดนับตั้งแต่เกิดรัฐประหารมาตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ. ที่ผ่านมา และเหตุการสังหารโหดในครั้งนี้นั้นเกิดขึ้นตรงกับวันกองทัพ ยิ่งเป็นการเรียกเสียงประณามรอบใหม่จากบรรดาชาติตะวันตก โดยเอกอัครราชทูตสหราชณาจักรระบุว่า กองกำลังด้านความมั่นคงทำลายเกียรติภูมิของตนเอง ส่วนทูตสหรัฐฯ เรียกมันว่าความรุนแรงที่น่าสยดสยอง
ทหารเมียนมายิใส่ประชาชน นอกจากนี้กองทัพเมียนมายังส่งเครื่องบินทหารเข้าโจมตีทางอากาศเล่นงานหมู่บ้านแห่งหนึ่งแในดินแดนที่อยู่ภายใต้การควบคุมของกองกำลังติดอาวุธชนกลุ่มน้อยกะเหรี่ยง ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย ยังไม่รวมถึงเหตุการณ์ที่มีผู้ถ่ายได้ว่า ทหารเมียนมายิใส่ประชาชนที่ขี่รถจักรยานยนต์มายังถนน โดยสวนกันรถของทหารเมียนมา ก่อนที่ทหารเมียนมาจะไล่ยิงและจับกุมประชาชนเหล่านั้นถึงรถไปโดยไม่ทราบชะตากรรม
กองทัพจะปกป้องประชาชน พล.อ.อาวุโส มิน อ่อง หล่าย หัวหน้าคณะรัฐประหาร กล่าวระหว่างพิธีสวนสนามเนื่องในวันกองทัพ ว่า กองทัพจะปกป้องประชาชนและบากบั่นเพื่อประชาธิปไตย พร้อมกับย้ำคำสัญญาจัดการเลือกตั้ง แต่ก็ไม่ได้ระบุว่าจะมีการเลือกตั้งเกิดขึ้นเมื่อใด
พร้อทกับกล่าวต่อว่า ทหารแสวงหาความร่วมมือกับประชาชนทั้งประเทศเพื่อปกป้องประชาธิปไตยการใช้ความรุนแรงที่ส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพและความมั่นคง เพื่อข้อเรียกร้องต่างๆ นั้น เป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสม
ปราบปรามการประท้วง ขณะเดียวกันนี้ใน เว็บไซต์ข่าวเมียนมาร์นาว ระบุว่า มีประชาชน 114 คนเสียชีวิตทั่วประเทศ ระหว่างปฏิบัติการปราบปรามการประท้วงในวันที่ 27 มี.ค. อย่างน้อย 40 คน รวมถึงเด็กหญิงวัย 13 ปี เสียชีวิตในมัณฑะเลย์ และอย่างน้อย 27 คนเสียชีวิตในย่างกุ้ง ส่งผลให้จำนวนผู้เสียชีวิตนับตั้งแต่เกิดรัฐประหารสูงถึง440 ราย
เรียกร้องนานาชาติตอบโต้ ด้าน “อันโตนิโอ กูเตอร์เรส” เลขาธิการใหญ่สหประชาชาติ กล่าวว่า ขอประณามในถ้อยคำรุนแรงที่สุด ต่อการสังหารพลเรือนหลายสิบชีวิต รวมถึงเด็กและคนหนุ่มสาว การเดินหน้าปราบปรามของกองทัพเป็นสิ่งที่ไม่อาจยอมรับได้ และขอเรียกร้องนานาชาติตอบโต้อย่างหนักแน่น
กดดันคณะรัฐประหาร นอกจากนี้ทาง สหรัฐฯ และสหภาพยุโรป กำหนดมาตรการคว่ำบาตรรอบใหม่เมื่อช่วงกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา ยกระดับกดดันคณะรัฐประหาร แต่เสียงประณามจากภายนอกเหล่านี้ ไม่เป็นหนึ่งเดียวกัน
แรงสนับสนุนจากรัสเซียและจีน ด้านผู้แทนทูตเผยว่า มี 8 ประเทศ อย่าง รัสเซีย, จีน, อินเดีย, ปากีสถาน, บังกลาเทศ, เวียดนาม, ลาว และไทย ส่งตัวแทนเข้าร่วม แต่รัสเซียเป็นเพียงชาติเดียวที่ส่งตัวแทนระดับรัฐมนตรีเข้าร่วมพิธีสวนสนามในวันกองทัพ แรงสนับสนุนจากรัสเซียและจีนซึ่งก่อนหน้านี้ไม่วิพากษ์วิจารณ์ใดๆ ถือว่ามีความสำคัญอย่างมากสำหรับคณะรัฐประหาร เนื่องจากทั้งสองประเทศเป็นสมาชิกถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ซึ่งสามารถใช้สิทธิ์วีโต้ขัดขวางความเคลื่อนไหวใดๆ ของสหประชาชาติ
ผู้ประท้วงกำลังตกอยู่ในอันตราย ทางด้าน สถานีโทรทัศน์แห่งรัฐของพม่าเตือน เมื่อวันที่ 26 มี.ค.ที่ผ่านมา ว่าพวกผู้ประท้วงกำลังตกอยู่ในอันตราย เสี่ยงถูกยิงเข้าบริเวณศีรษะและกลางหลัง ถึงอย่างนั้นสถานีแห่งนี้ไม่ได้กล่าวเจาะจงว่า กองกำลังความมั่นคงได้รับคำสั่งยิงสังหารหรือไม่ และคณะรัฐประหารเคยบ่งชี้ก่อนหน้านี้ว่า เหตุยิงถึงตายบางส่วนมาจากภายในฝูงชนเอง
เครดิตภาพ : ผู้จัดการออนไลน์, ประชาชาติธุรกิจ, แนวหน้า
//////////////////////////////////////////////////////////