ม็อบ 20 มีนา จากเหตุการณ์การชุมนุมม็อบ 20 มีนา ของกลุ่ม REDEM (รีเด็ม) ที่บริเวณพื้นที่สนามหลวง ปรากฏว่ามีการปะทะกันระหว่างกลุ่มผู้ชุมนุม และเจ้าหน้าที่ตำรวจ มีการยิ่งแก๊สน้ำตา รวมถึงการยิงกระสุนยางใส่กลุ่มผู้ชุมนุม โดยในครั้งนี้มีทั้งผู้ชุมนุมและเจ้าหน้าที่บาดเจ็บ รวม 32 รายด้วยกัน
ตู้คอนเทนเนอร์มาตั้งขวาง โดยเจ้าหน้าที่นำตู้คอนเทนเนอร์มาตั้งขวางสนามหลวงไว้ เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ชุมนุมเข้าไปยังพื้นที่สำคัญ พร้อมนำลวดหนามและขึงสแลนบนตู้คอนเทนเนอร์อีกชั้นบริเวณถนนราชดำเนิน ฝั่งศาลฎีกา พร้อมเตรียมรถฉีดน้ำแรงดันสูงไว้ปฏิบัติหน้าที่ หากผู้ชุมนุมพยายามบุกฝ่าเข้าไป
เตือนผู้ชุมนุมห้ามชุมนุม จากนั้น 17.30 น. พ.ต.อ.สนอง แสงมณี ผู้กำกับการ สน.ชนะสงคราม ได้ประกาศผ่านเครื่องขยายเสียงเตือนผู้ชุมนุมห้ามชุมนุมในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล โดยระบุว่าภายใต้ พรก.ฉุกเฉิน และพรบ.ควบคุมโรคติดต่อ ขอให้ผู้ชุมนุมยุติการชุมนุมและมั่วสุมในพื้นที่ ซึ่งสุ่มเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโควิด-19 และข้อให้ยุติชุมนุมทันทีที่ประกาศเสร็จสิ้น
เลี่ยงการประทะ และขณะอ่านประกาศอยู่นั้น ผู้ชุมนุมได้เข้ามาปิดล้อมทีมงาน พร้อมตะโกนขับไล่เจ้าหน้าที่ตำรวจทันทีที่อ่านแถลงการณ์เสร็จสิ้น เจ้าหน้าที่จึงล่าถอยเพื่อลดแรงกดดัน และเลี่ยงการประทะ
หลังจากเจ้าหน้าที่ล่าถอยไป ผู้ชุมนุมได้มีการเปิดแผงเหล็กเพื่อเปิดทางนำรถเครื่องขยายเสียงและกลุ่มมวลชนเสื้อแดงที่นัดรวมตัวก่อนหน้าที่อนุเสาวรีย์ประชาธิปไตย ซึ่งต่อมาเคลื่อนขบวนมาสมทบที่ท้องสนามหลวง
เจ้าหน้าที่ประกาศเตือน ในเวลาต่อมา การ์ดผู้ชุมนุมได้เริ่มเก็บลวดหนามที่เจ้าหน้าที่ได้นำมาวางขวางกั้นไว้ออก ก่อนที่ผู้ชุมนุมได้รื้อตู้คอนเทนเนอร์ที่ขวางอยู่ออกได้สำเร็จ โดยเจ้าหน้าที่ประกาศเตือนและนับถอยหลัง ไม่ให้ผู้ชุมนุมบุกเข้ามา ก่อนเจ้าหน้าที่จะเริ่มฉีดน้ำใส่ผู้ชุมนุม ทำให้ผู้ชุมนุมแตกฮือและวิ่งหลบหนีออกไป
เริ่มใช้กระสุนยาง ก่อนจะมีเสียงดังคล้ายระเบิดดังขึ้น 1 ครั้ง ทำให้ทั้ง 2 ฝ่ายต่างหนีออกมา และเจ้าหน้าที่ยังฉีดน้ำเป็นระยะ โดยมีผู้ชุมนุมพยายามรื้อตู้คอนเทนเนอร์ออกอย่างต่อเนื่อง ก่อนเจ้าหน้าที่จะเริ่มฉีดน้ำผสมแก๊สน้ำตาเข้าใส่ผู้ชุมนุม ก่อนเข้าจับกุมผู้ชุมนุม ทำให้ผู้ชุมนุมต่างวิ่งหลบหนีไป โดยเจ้าหน้าที่เริ่มใช้กระสุนยางและปืนยิงแก๊สน้ำตาใส่ผู้ชุมนุมอีกครั้ง พร้อมประกาศให้ผู้ชุมนุมและสื่อมวลชนกลับ
กลุ่มมวลชนปะทะกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ นอกจากนี้ด้าน นายชินวัตร จันทร์กระจ่าง หรือ ไบรท์ แกนนำกลุ่มราษฎรนนทบุรี ประกาศให้ผู้ชุมนุมสลายตัวกลับบ้านทางสะพานพระปิ่นเกล้า หลังจากเริ่มมีเสียงระเบิดดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ผู้ชุมนุมจึงเริ่มสลายตัวทยอยเดินทางกลับ หลังจากนั้นที่บริเวณเชิงสะพานพระปิ่นเกล้าได้เกิดเหตุกลุ่มมวลชนปะทะกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ หลังจากเจ้าหน้าที่ไล่กระชับพื้นที่และพยายามเข้าจับกุม โดยมีการปะทะกันเป็นเวลาเกือบครึ่งชั่วโมง มีการยิงแก๊สน้ำตาใส่ผู้ชุมนุม ขณะที่ฝั่งผู้ชุมนุมก็ได้ขวางปาระเบิดควันใส่เจ้าหน้าที่ด้วยเช่นกัน
ตำรวจตรึงกำลัง รวมถึงที่บริเวณสี่แยกคอกวัว มีการจุดไฟเพื่อเผากระถางต้นไม้บนถนนราชดำเนินฝั่งขาออก และมีเสียงปะทัดเป็นระยะ ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจตรึงกำลังไว้ที่กลางถนนราชดำเนิน และกระชับแนวขึ้นเรื่อยๆ มีการยิงกระสุนยางและแก๊สน้ำตา รวมถึงประกาศไม่ให้ขัดขวางการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ มิเช่นนั้นจะเข้าจับกุม ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะใช้รถฉีดน้ำแรงดันสูงเข้ากระชับพื้นที่ถนนราชดำเนิน โดยมีการยิงแก๊สน้ำตาเป็นระยะ
ผู้ชุมนุมก็ยังฝ่าฝืน ทางด้าน พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (รองโฆษก ตร.) รุดมายังพื้นที่ที่มีการชุมนุม เผยถึงภาพรวมการชุมนุมในครั้งนี้ด้วยว่า ทางเจ้าหน้าที่ได้ประกาศเตือนหลายครั้งว่าไม่lามารถชุมนุมได้ แต่ผู้ชุมนุมก็ยังฝ่าฝืนจนกระทั่งมีเหตุทำให้ปะทะกัน ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ใช้ความอดทนอดกลั้น และปฏิบัติงานอย่างเคร่งครัด
แจ้งผู้ชุมนุมเป็นระยะ รวมถึงดำเนินการไปตามขั้นตอน ตั้งแต่ใช้โล่, กระบอง, กระสุนยาง หรือแก๊สน้ำตา ซึ่งเป็นมาตรการจากเบาไปหาหนัก ยืนยันไม่ได้ใช้โดยพลการ แต่มีการแจ้งผู้ชุมนุมเป็นระยะ ในส่วนของเสียงที่ดังคล้ายระเบิดนั้น เจ้าหน้าที่พิสูจน์ทราบและเห็บรวบรวมพยานหลักฐานและจะดำเนินการต่อไป
เครดิตภาพ : แนวหน้า, ข่าวสด, มติชนออนไลน์, ฐานเศรษฐกิจ
////////////////////////////////////////////////////////////////