แฮชแท็ก #ฆ่าแม่ตัวเองบางพรม54 ก็กลายเป็นไวรัลในทวิตเตอร์ มีคนทวิตไปมากกว่า 300,000 ครั้ง กรณีที่ลูกคลั่งฆ่าแม่ตัวเอง พร้อมกันนี้ในโลกออนไลน์ยังวิจารณ์การทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ไม่ยอมจับคุมผู้ก่อนเหตุ กรณีที่ นายนนทชัย กรานเคารพ หรือโอ๊ต อายุ 35 ปี เกิดอาการคุ้มคลั่งเผาบ้านตัวเอง และฆ่า นางสุรางค์รัตน์ จ้อยเจือ อายุ 62 ปี มารดา บ้านเลขที่ 18/4 ซอยบางพรม 54 ถนนบางพรม แขวงบางพรม เขตตลิ่งชัน กทม. ก่อนจะถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจวิสามัญฆาตกรรมตายในที่เกิดเหตุ
ลากศพแม่ หลังจากเจ้าหน้าที่รุดไปที่บ้านหลังเกิดเหตุดังกล่าว ได้พบกลุ่มควันขึ้นภายในบ้านเล็กน้อย ซึ่งพบ นานนนทชัย ผู้ก่อเหตุอยู่ในอาการคลุ้มคลั่ง ในมือถือมีดพร้ากวัดแกว่งไปมา หลังจากผู้ก่อเหตุเห็นเจ้าหน้าที่ก็ได้วิ่งเข้าไปในบ้านแล้วลากศพแม่ ซึ่งเป็นเจ้าของบ้าน รากร่างนั้นมาไว้ที่ลานทางเข้าบ้านในสภาพเปลือยท่อนล่าง ก่อนจะใช้มีดจ้วงแทงศพแม่หลายครั้ง ตามด้วยเลาะกรม ตัดลิ้น ตัดนิวมือออกจากศพในสภาพที่สยดสยอง

คล้ายคนเสียสติ ภายหลังที่เจ้าหน้าที่เห็นพฤติกรรม นายนนทชัย ผู้ก่อเหตุว่าอาการคล้ายคนเสียสติก็ได้ไล้ต้อนเพื่อให้ผู้ก่อเหตุห่างจากศพแม่ แต่นายนนทชัยก็ได้วิ่งทะลุป่ากล้วยเพื่อมุ่งหน้าไปทางถนนบางพรหม กระทั่งไปพบกับตำรวจจราจร สน.บางเสาธง ซึ่งถูกเรียกมาเป็นกำลังเสริมช่วยสกัดจับ โดยมี ร.ต.อ.ชูชาติ ลักษิตานนท์ รอง สว.จร.สน.บางเสาธง พยายามเจรจากับผู้ก่อเหตุ ซึ่งผู้ก่อเหตุก็มีอาการชะงักและมีทีท่าว่าจะวางมีด ก่อนจะหลับหยิบมีดพุ่งเข้าหา ร.ต.อ.ชูชาติ ในระยะประชิด แม้ว่า ร.ต.อ.จะใช้อาวุธปืนประจำกายยิงขู่ไปแล้ว 2 นัด แต่ผู้ต้องหาก็ไม่หยุด ทำให้ต้องยิงเพื่อหยุดยั้งภัยและป้องกันตัวอีก 5 นัด กระสุนเข้าที่กลางศีรษะ 1 นัด ไหปลาร้าขวา 1 นัด และขาขวาอีก 3 นัด ส่งผลให้ นายนนทชัย นอนเสียชีวิตคาที่ โดยที่ข้างๆ ศพยังพบเศษชิ้นส่วนลิ้น และกรอบรูปของ นางสุรางค์รัตน์ ผู้เป็นแม่ ที่ผู้ต้องหาถือติดมือมาด้วย ซึ่งเจ้าหน้าที่จึงเก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน
คลุ้มคลั่งทำร้ายแม่ ขณะที่ญาติของ นายนนทชัย ได้เล่าให้ฟังว่า นายนนทชัยจะอยู่กับแม่ 2 คน และที่ผ่านมา นายนนทชัย มีประวัติเสพยาจนคลุ้มคลั่งทำร้ายแม่บ่อยครั้ง ซึ่งบางวันแม่ของนายนนทชัยต้องหนีออกไปนอนนอกบ้าน โดยญาติคนดังกล่าวเชื่อว่าวันที่ก่อเหตุ นายนนทชัย น่าจะเสพยาแล้วมีอาการกำเริบขึ้นจนทำให้ก่อเหตุฆ่าแม่ตัวเองและเผาบ้าน จนถูกเจ้าหน้าที่วิสามัญในที่สุด

รอพิสูจน์สารเสพติด ด้าน พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล รุดลงพื้นที่ สน.บางเสาธง เพื่อประชุมติดตามกรณีตำรวจวิสามัญชายคลั่งรายนี้ เท่าที่สอบถามประวัติ ผู้ถูกวิสามัญฆาตกรรมเคยต้องโทษคดีชิงทรัพย์ที่ท้องที่ สน.ตลิ่งชัน เมื่อปี 2548 พอพ้นโทษออกมาปี 2559 ยึดอาชีพจักรยานยนต์รับจ้าง จนกระทั่งประสบอุบัติเหตุทางสมองเมื่อปีที่แล้ว ส่วนเรื่องยากเสพติดนั้นต้องรอผลพิสูจน์จากกองพิสูจรน์หลักฐาน และผลชันสูตรของแพทย์ พร้อมเตือนประชาชนหากมีผู้ป่วยลักษณะนี้อยู่ภายในบ้านให้รีบนำตัวไปรักษา ซึ่งทางตำรวจยินดีให้ความช่วยเหลือนำตัวไปตรวจร่างกายเพื่อรักษาอย่างถูกต้องหากทางญาติยินยอม
เครดิตภาพ : ไทยรัฐ, ข่าวสด