พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ประกาศกร้าว ว่ารัฐบาลมีความพร้อมที่จะฉีดวัคซีนป้องกัน covid19 ให้กับประชาชน ในเดือนมิถุนายน ทางรัฐบาได้ทำการจองวัคซีนไว้ทั้งหมด ณ ตอนนี้ 26 ล้านโด๊ส โดยใช้ฉีดให้กลุ่มเสี่ยงเป็นอันดับแรก ประมาณ 13 ล้านคน ได้แก่บุคลากรทางการแพทย์ กลุ่มผู้สูงอายุ กลุ่มผู้มีโรคเรื้อรัง ทั้งนี้ทางรัฐบาลได้เจรจา เพื่อซื้อวัคซีนป้องกัน covid19 เพิ่มอีก 35 ล้านโดส รวมทั้ง 2 ล็อต 61 ล้านโดส
ในจำนวนวัคซีนป้องกัน โควิด 19 ที่กล่าวมา ยังไม่รวม วัคซีนที่ทางกระทรวงสาธารณสุข อีก 2 ล้านโดส ซื้อมาจากบริษัทซิโนแวค ของประเทศจีน ที่จะนำเข้า ทยอยนำเข้า ประเทศไทยในเดือนกุมภาพันธ์ มีนาคมและเมษายนตามลำดับ เชื่อว่าวัคซีนกลุ่มนี้ฉีดให้กับ บุคลากรทางการแพทย์ก่อน แต่ก็ยังมี ประเด็นที่ยังตกลงกันไม่ชัดเจน
เทศบาลจัดการเอง?
ประเด็นก็คือการรับอาสา ที่จะนำเงินสะสม ของ นายกเทศมนตรีจากเทศบาลนคร หลายๆแห่ง มาจัดซื้อวัคซีนให้กับประชาชนในแต่ละพื้นที่ โดยทางนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี รวมไปถึงร้านมนตรีสาธารณสุข ก็มีท่าทียอมรับไว้ด้วยดี เพราะเห็นว่าเป็นการแบ่งเบาภาระด้านงบประมาณของรัฐบาล แต่ปัญหานี้ต้องมองให้ครบทุกด้าน
ซึ่งประเด็นสำคัญที่สุดขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ที่มีทั้ง เทศบาลตำบล เทศบาลเมือง เทศบาลนคร องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) รวมไปถึง กรุงเทพมหานคร และเมืองพัทยา ซึ่งแต่ละหน่วยงานแต่ละภาคส่วนตรงนี้ มีงบประมาณที่แตกต่างกันไป
ณ ปัจจุบันประเทศไทยมีประชากรประมาณ 67 ล้านคน เป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่ดังตรวจสอบให้ชัดเจน ว่าคนส่วนใหญ่อยู่ใน เขตเทศบาล หรืออยู่ นอกเขตเทศบาล หรือเรียกง่ายๆว่า ชนบท หน่วยงานเทศบาลเองยังแบ่งเป็นหลายระดับ เพราะฉะนั้นเงินสะสม ของเทศบาลแต่ละระดับก็ไม่เท่ากัน ยิ่งเป็นนอกเขตเทศบาลแล้ว เงินสะสมยิ่งน้อยเข้าไปใหญ่
เหลื่อมล้ำชัดยิ่งขึ้น
เหตุผลที่กล่าวข้างต้น จึงเป็นการตอกย้ำ ให้เห็นถึงปัญหาความเหลื่อมล้ำ และช่องว่างระหว่าง คนชนบทกับคนเมือง อย่างชัดเจน และหากมีปัญหาเรื่อง นักการเมืองใช้งบประมาณ ที่ได้มาจากภาษีประชาชน เป็นเครื่องมือในการหาเสียงให้กับตนเอง กับการเลือกตั้ง ของเทศบาลที่จะมีขึ้นในเดือนมีนาคมนี้ ยังไม่รวมถึงปัญหาทุจริต ที่อาจจะเกิดขึ้นได้ด้วย
ทุกอย่างต้องโปร่งใสชัดเจน
เพราะฉะนั้น รัฐบาล ที่นำโดยพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา จะต้องมีนโยบายที่ชัดเจน เพื่อเป็นแนวทางให้แต่ละพื้นที่ ควรจะมีการบริหารจัดการอย่างไร ไม่ใช่เป็นการบังคับ แต่เป็นการป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นได้ หากรัฐบาลใส่ใจตรงนี้ ทำให้การบริหาร ในแต่ละพื้นที่โปร่งใสได้ หรือมีบทลงโทษแก่ผู้ทุจริต อย่างจริงจัง ตรงไปตรงมา และยุติธรรม เชื่อได้เลยว่ารัฐบาล จะได้รับเสียงสนับสนุนจากประชาชนอย่างแน่นอน
เอาใจช่วย
ส่วนเราซึ่งอยู่ในภาคของประชาชน ก็ต้องช่วยกันเป็นหูเป็นตาสอดส่องดูแล การทำงานของรัฐบาล คอยสะกิดแรงๆ เพราะรัฐบาลนี้เหมือนกับว่า ไม่ด่าก็ไม่ทำ ไม่แนะนำก็ไม่ขยับ ชอบออกนโยบายแนวโยนหินถามทาง พอมีกระแสต่อต้าน ก็ปรับเปลี่ยน ไม่คิดให้รอบคอบมาตั้งแต่แรก อย่างไรก็ตาม ยังเอาใจช่วย ให้รัฐบาลที่นำโดยพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา พัฒนาประเทศไปข้างหน้า ซะที