ปรับคณะรัฐมนตรี ภายหลังจากที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นประธานในการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) พร้อมกับเผยความคืบหน้าการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) และเผยถึงเรื่องการฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้กับนายกฯ
วัคซีนโควิด-19 พล.อ.ประยุทธ์ นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เผยถึงเรื่องที่ร.พ.เอกชนต้องการนำเข้าวัคซีนโควิด-19 ด้วยนั้น ว่า ตนพูดมาหลายครั้งแล้วและให้ทางองค์การอาหารและยา (อย.) เรียกผู้ประกอบการ สมาคม เกี่ยวกับแพทย์ เกี่ยวกับโรงพยาบาลเอกชนเข้ามาพบว่า เขามีแผนในการจัดหาวัคซีนอย่างไร
เป็นการดีเสียอีกที่เอกชนมาช่วย ถ้าเขาสามารถจัดหาได้ ตนจะไปกีดกันทำไม ช่วงนี้ยังเป็นช่วงของการใช้เพื่อการฉุกเฉินอยู่ ที่สำคัญคือ เจ้าของวัคซีนต้องการขายแบบจีทูจี ก็ต้องไปดูตรงนั้นด้วยว่าจะทำอย่างไร ซึ่งส่วนตัวเห็นว่าเป็นการดีเสียอีกที่เอกชนมาช่วยจะได้มีวัคซีนเพิ่มขึ้น คนที่มีขีดความสามารถไปฉีดกับรพ.เอกชน มีราคาค่าใช้จ่ายที่สูง เขาก็อาจจะเลือกแบบนั้นได้ ก็เป็นทางเลือกของเขา
พาสปอร์ตโควิด ต่อข้อซักถามถึงเรื่องพาสปอร์ตโควิด นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ต้องรอมาตรฐานของ WHO ที่จะกำหนดเป็นมาตรฐานกลางออกมา เพราะต้องมีการเชื่อมต่อกันกับต้นทางและปลายทาง วันนี้เราเตรียมการของเราไว้ขั้นต้นแล้วว่าฉีดแล้ว จะกักตัวหรือไม่กักตัว ได้รับวัคซีนครบหรือยัง บางคนมาจากแหล่งความเสี่ยงต่างๆ ก็ต้องกำหนดแตกต่างกัน ที่สำคัญคือแหล่งท่องเที่ยวของเราจะทำอย่างไร นักท่องเที่ยวมาจากไหน ตนก็อยากให้ดีขึ้นทุกวัน
หลังจากที่ พล.อ.ประยุทธ์ นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นประธานในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้เผยถึงความคืบหน้าเรื่องนี้ว่า วันนี้พรรคพลังประชารัฐส่งชื่อมาที่ตนแล้ว และทุกอย่างเป็นไปตามกำหนดการที่เตรียมไว้ และในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์และพรรคภูมิใจไทยยังไม่ได้ส่งรายชื่อ
ต่อข้อถามที่ว่ามีรายชื่อของ “นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์” สส.พรรคพลังประชารัฐ จะขบัยขึ้นมาเป็นรัฐมนตรีหรือไม่ เรื่องนี้นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ยังไม่รู้ เพราะตนยังไม่ได้เปิดดูว่ามีรายชื่อใครบ้าง และเป็นเรื่องของนายกฯ คนเดียวใช่ไหม ไม่ต้องมาถาม พอพูดจบนายกฯ ก็เดินตรงมายังผู้สื่อข่าว พร้อมนำสเปรย์แอลกอฮอล์ฉีดใส่ผู้สื่อข่าว รวมทั้งฉีดไปรอบๆ ตัวเอง ขณะเดินผ่านผู้สื่อข่าวด้วย
ฉีดสเปรย์แอลกอฮอล์ใส่ผู้สื่อข่าว และจากกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ นายกรัฐมนตรี ฉีดสเปรย์แอลกอฮอล์ใส่ผู้สื่อข่าวนั้น ก็กลายเป็นประเด็นร้อน ส่งผลให้สื่อต่างประเทศรายงานพฤติกรรมดังกล่าวของนายกรัฐมนตรีของไทยอย่างกว้างขวาง อาทิ Chanel News Asia สื่อสิงคโปร์ พาดหัวข่าวว่า “นายกรัฐมนตรีไทยฉีดยาฆ่าเชื้อใส่นักข่าว”
ขณะที่ Independent สื่อดังของอังกฤษ รายงานข่าวด้วยพาดหัวว่า “นายกรัฐมนตรีไทยปิดการแถลงข่าวด้วยการฉีดน้ำยาฆ่าเชื้อใส่นักข่าว”
รวมถึง Sky สื่อดังสหรัฐอเมริกา ได้โพสต์คลิปวินาทีที่ พล.อ.ประยุทธ์ ฉีดสเปรย์ใส่นักข่าว พร้อมพาดหัวข่าว “นายกรัฐมนตรีไทยเดินออกจากการแถลงข่าวและฉีดสเปรย์ใส่แถวนักข่าว”
ด้าน Financial Review สื่อดังของออสเตรเลีย พาดหัวข่าวว่า “นักข่าวไทยต้องรับมือกับสเปรย์ เมื่อนายกรัฐมนตรีฉีดน้ำยาฆ่าเชื้อใส่พวกเขา”
ส่วนสื่อดังอย่าง The Sun ของอังกฤษ ได้โพสต์คลิปวิดีโอผ่านช่องยูทูบ โดยใช้ชี่อคลิปว่า “นายกฯ ไทยฉีดสเปรย์ล้างมือใส่นักข่าว หลังจากถูกถามเรื่องการปรับคณะรัฐมนตรี”
#ประยุทธออกไป ในเวลาต่อมา ในเว็บไซต์ทวิตเตอร์แฮชแท็ก #ประยุทธออกไป ได้พุ่งติดเทรนด์ทวิตเตอร์อีกครั้ง โดยขึ้นสูงเป็นอันดับที่ 2 ในประเทศไทยแล้ว
เครดิตภาพ : ประชาชาติธุรกิจ, มติชนออนไลน์
//////////////////////////////////////////////////////////////////////