“แอมเนสตี้” กังวลกระบวนการปิดกั้นเสรีภาพ

แกนนำ สืบเนื่องจากกรณีการดำเนินการแกนนำและผู้เข้าร่วมชุมนุมตั้งปต่ปี 2563 โดยมีจำนวนมากถึง 382 คน ใน 207 คดี รวมถึงการไม่ให้ประกันตัว 4 แกนนำ อย่าง นายอานนท์ นำภา, นายพริษฐ์ ชิวารักษ์, นายปฏิภาณ สาหร่ายแย้ม และ นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข 

ปิดกั้นเสรีภาพ รวมถึงการไม่ให้ประกันตัวของ น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล, นายภาณุพงศ์ จาดนอก และ นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา จากการชุมนุมใน #ม็อบ19กันยายน ทวงอำนาจคืนราษฎร และการเข้าจับกุม นายปิยรัฐ จงเทพ ถือเป็นการปิดกั้นเสรีภาพในการแสดงออก และความคิดเห็นต่างอย่างเป็นระบบ 

#ม็อบ19กันยายน ทวงอำนาจคืนราษฎร ล่าสุด แอมเนสตี้ อินเตอเนชันแนลประเทศไทย ออกแถลงการณ์ แสดงความกังวลหลัง ศาลอาญามีคำสั่งไม่ให้ประกันตัว 7 แกนนำ การชุมนุม #ม็อบ19กันยายน ทวงอำนาจคืนราษฎร และ นายปิยรัฐ จงเทพ จาก #ม็อบ6มีนาคม โดยชี้ว่าเป็นการปิดกั้นเสรีภาพในการแสดงออกและความคิดเห็นต่างอย่างเป็นระบบ

น่ากังวลอย่างยิ่ง ด้าน นางปิยนุช โคตรสาร ผู้อำนวยการแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย เผยว่า เป็นเรื่องที่น่ากังวลอย่างยิ่งที่ทางการไทยดำเนินคดีต่อแกนนำ และผู้เข้าร่วมการชุมนุมจำนวนมากอย่างเป็นระบบ ซึ่งในบางคดี 

ผู้วิจารณ์การทำงานรัฐ และหากมีการพิจารณาว่ามีความผิดจะมีโทษสูงสุดถึง 15 ปี ถือเป็นการลงโทษที่รุนแรงและไม่ได้สัดส่วน การดำเนินคดีต่อกับผู้เห็นต่าง หรือผู้วิจารณ์การทำงานรัฐ จึงถูกใช้เป็นอาวุธเพื่อปิดปาก และตอบโต้บุคคลที่กล้าท้าทายอำนาจรัฐ

เป็นเครื่องมือในการโจมตีสิทธิในเสรีภาพ พร้อมกับกล่าวต่ออีกด้วยว่า การดำเนินคดีจำนวนมากและการไม่ให้ประกันตัว สะท้อนให้เห็นว่ากระบวนการยุติธรรมที่กลายเป็นเครื่องมือในการโจมตีสิทธิในเสรีภาพ การแสดงออกและการชุมนุมโดยสงบ โดยที่ประชาชนย่อมมีสิทธิอันชอบธรรมในการออกมาแสดงความเห็น และมีส่วนร่วมต่อประเด็นทางสังคม

อาชญากร ทั้งนี้ ทางการไทยต้องยุติการปฏิบัติต่อผู้ออกมาวิจารณ์ ราวกับเป็นอาชญากร หรือเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของรัฐ พวกเขาควรได้รับการปล่อยตัว และยกเลิกข้อกล่าวหาโดยทันที หากขาดหลักฐานว่ากระทำความผิดอาญาตามหลักสากล

ไม่ยอมลงนามรับคำสั่งศาล ด้าน ยุกติ มุกดาวิจิตร หนึ่งในนายประกันระบุผ่านทวิตเตอร์ส่วนตัวว่า กรณี รุ้ง, ไผ่ ตนและอาจารย์อีกคนที่เป็นนายประกัน ไม่ยอมลงนามรับคำสั่งศาล เนื่องจากปกติต้องให้ผู้ต้องหาลงนามรับทราบก่อน แสดงว่า รุ้ง, ไมค์ และ ไผ่ ถูกพาตัวไปเรือนจำก่อนคำสั่งศาลออกอย่างเป็นทางการ

ตามความผิด ม.112 ส่วนด้าน พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการชุมนุมทางการเมือง ที่เรียกร้องให้มีการปล่อยตัวแกนนำตามความผิด ม.112 ซึ่งไม่ใช่แค่ความผิด ม.112 เท่านั้น แต่ต้องคำนึงถึงคดีความอื่นๆ ด้วย เพราะการชุมนมเรียกร้องแบบนี้จะทำให้กฎหมายเสียหายไปทั้วกระบวนการ โดยรัฐจะคุ้มครองสิทธิ์ได้ แต่เมื่อเข้าสู่กระบวนการแล้วก็ไม่สามารถทำอะไรได้ทั้งนั้น

ศาลเป็นผู้พิจารณา พร้อมกันนี้ นายกฯ ยืนยันอีกด้วยว่ารัฐบาลไม่ได้ห้ามการชุมนุม แต่เมื่อมีการชุมนุมและเกิดความรุนแรงขึ้น หากศาลเห็นว่ากระทำผิด และจะให้ประกันตัวหรือไม่เป็นเรื่องที่ศาลเป็นผู้พิจารณา ตนไม่มีสิทธิไปก้าวล่วงตรงนั้น

ไม่ได้ใช้กฎหมายไปทำร้ายใคร พร้อมกับย้ำว่าไม่ได้ใช้กฎหมายไปทำร้ายใคร เพราะกฎหมายเป็นของประชาชนทุกคร ไม่ใช่ใครกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งจะละเว้นกฏหมายได้ 

เครดิตภาพ : สยามรัฐ, www.thebangkokinsight.com

//////////////////////////////////////////////