ข้อหาหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ฯ ศาลนัดตรวจพยานหลักฐานคดีหมายเลขดำ อ.287/2564 ที่พนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 7 เป็นโจทก์ฟ้อง นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ เพนกวิน กับพวกรวม 22 คน แกนนำและแนวร่วมกลุ่มราษฎร เป็นจำเลย ในข้อหาหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ฯ ตาม ป.อาญา ม.112, ยุยงปลุกปั่นฯ ม.116
ชุมนุม 19 กันยาทวงอำนาจคืนราษฎร รวมถึงข้อหาอื่นๆ จากกรณีร่วมกันชุมนุม 19 กันยาทวงอำนาจคืนราษฎร เมื่อวันที่ 19-20 ก.ย. 2563 ที่ ม.ธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ – สนามหลวง โดยเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้เบิกตัวจำเลยซึ่งถูกคุมขังไม่ได้รับการประกันตัวมาศาล ก่อนที่ศาลอนุญาตเลื่อนนัดตรวจพยานหลักฐานและกำหนดวันนัดสืบพยาน เป็นวันที่ 8 เม.ย.เวลา 9.00 น.
จะไม่พูดพาดพิงถึงสถาบันฯ ในเวลาต่อมา ตามรายงานกระบวนพิจารณา นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข จำเลยที่ 4 แถลงว่า เนื่องจากไม่ได้รับสิทธิในการประกันตัว ทำให้ไม่อาจหาพยานหลักฐานมาต่อสู้คดีได้อย่างเต็มที่ และไม่สามารถตรวจดูพยานหลักฐานโจทก์ได้โดยละเอียด เกรงว่าหากไม่ได้รับโอกาสต่อสู้คดีอย่างเต็มที่ จะเป็นเหตุให้ตนไม่ได้รับความยุติธรรม หากได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวจะไม่พูดพาดพิงถึงสถาบันฯ อีก
ส่วนทางด้าย นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือ ไผ่ ดาวดิน จำเลยที่ 7 แถลงต่อด้วยว่า หากได้รับการประกันจะไม่พูดกล่าวถึงสถาบันพระมหากษัตริย์อีก
จะไม่ยุ่งเกี่ยวกับการชุมนุมทางการเมือง เช่นเดียวกับ นายปติวัฒน์ สาหร่ายแย้ม หรือ หมอลำแบงค์ จำเลยที่ 3 แถลงว่า หากได้รับการประกัน จะไม่ยุ่งเกี่ยวกับการชุมนุมทางการเมืองและพูดพาดพิงสถาบันฯ อีกอย่างเด็ดขาด
ปฏิบัติตามเงื่อนไขในการปล่อยชั่วคราวทุกประการ นอกจากนี้ยังกล่าวต่ออีกด้วยว่า โดยจะไปประกอบอาชีพร้องหมอลำเพื่อหาเลี้ยงชีพต่อไป ทั้งยินดีที่จะปฏิบัติตามเงื่อนไขในการปล่อยชั่วคราวทุกประการ ไม่ว่าจะเป็นการสวมใส่เครื่องมือติดตามตัวอิเล็กทรอนิกส์ (EM) การวางเงื่อนไขห้ามออกนอกเขตกำหนด หรือการวางเงื่อนไขห้ามยุ่งเกี่ยวกับการชุมนุม และจะมาศาลทุกนัด หากไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขหรือไม่มาศาลนัดหนึ่งนัดใด ก็ยินดีที่จะให้ศาลถอนประกัน
มีข้อเท็จจริงเปลี่ยนแปลงไป จากนั้นศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า คำแถลงของนายปติวัฒน์ จำเลยที่ 3 มีข้อเท็จจริงเปลี่ยนแปลงไป โดยจำเลยที่ 3 มีการเสนอเงื่อนไขที่จะไม่เข้ายุ่งเกี่ยวกับการชุมนุมพูดพาดพิงถึงสถาบันฯ หากได้รับการปล่อยชั่วคราว
ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ศาลกำหนด รวมถึงยินยอมที่จะปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ศาลกำหนด ไม่ว่าจะเป็นการติดเครื่องมือติดตามตัวอิเล็กทรอนิกส์ (EM) หรือห้ามออกนอกเขตกำหนดและจะมาศาลตามนัดทุกนัด จึงบันทึกไว้เพื่อประกอบดุลพินิจในการปล่อยชั่วคราว
ส่วนกรณีทนายจำเลยแถลงเกี่ยวกับ การไม่สามารถนำคลิปวิดีโอพยานหลักฐานเปิดภายในเรือนจำให้จำเลยดูได้นั้น จึงขอศาลเบิกจำเลยที่ถูกคุมขังมาเพื่อเปิดคลิป จะได้เป็นข้อมูลที่ใช้เพื่อต่อสู้คดีอย่างเต็มที่ ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า เพื่อให้โอกาสจำเลยที่ถูกคุมขังตรวจสอบวัตถุพยานและต่อสู้คดีได้อย่างเต็มที่ จึงให้นัดพร้อมตรวจสอบวัตถุพยานวันที่ 7 เม.ย. เป็นการนัดอัยการโจทก์และทนายจำเลยมาตรวจพยานวัตถุล่วงหน้าก่อนวันที่ 8 เม.ย.
ขอให้ศาลมอบโทษประหารชีวิตให้ ขณะที่ นายนรเศรษฐ์ นาหนองตูม ทนายความศูนย์ทนายเพื่อสิทธิมนุษยชน เผยบันทึกบรรยากาศในห้องพิจารณาคดี โดยระบุว่า นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข แถลงว่า การไม่ให้ประกันตัวเป็นอุปสรรคในการต่อสู้คดีและไม่เป็นธรรม ระหว่าวต่อสู้คดีตนก็ต้องติดคุกไปเรื่อยๆ ขอให้ศาลมอบโทษประหารชีวิตให้เพื่อยุติปัญหา พร้อมพลีชีพสังเวบความไม่ยุติธรรม
เครดิตภาพ : ไทยรัฐออนไลน์, คมชัดลึกออนไลน์
/////////////////////////////////////////////////////////////////////