ความวิตกกังวล ตัวแปรหลักของการทำลายสภาวะทางจิตใจ ความล้มเหลวในการวางแผน ความล้มเหลวในการควบคุมอารมณ์
“สติ” คือการสร้างสมาธิ การสะกดหรือข่มอารมณ์ให้อยู่ภายใต้ความมีเหตุผล การดึงพฤติกรรมตัวเองออกจากสถานการณ์ที่ย่ำแย่ทางด้านอารมณ์ สามารถพูดได้ว่า “สติ” คือสิ่งที่สามารถใช้เป็นตัวหลักในการแก้ปัญหาทุกอย่าง
สิ่งหนึ่งในทุกยุคสมัยที่ไม่เคยเปลี่ยนไป แต่ยังคงมีเพิ่มมากขึ้นจากการเติมโตและสังคมที่มีการพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็วนั่นคือ “ความวิตกกังวล” หลาย ๆ คนต้องต่อสู้กับสิ่งนี้มาอย่างยาวนาน มันเป็นความทรมานด้านความรูสึก
ความทรงจำที่ไม่พึงประสงค์ สามารถทำให้เกิดความรู้สึกล้มเหลว ความสิ้นหวังเริ่มเข้าท่วมภายในจิตใจ ฉันไม่สามารถทำให้ตัวเองรู้สึกผ่อนคลายได้เลย การพูดคนเดียววนเวียนอยู่ในหัวสมองของฉัน เป็นสิ่งที่เลวร้ายและฉันรู้สึกรังเกียจมัน
Robson คิดว่าเขาแย่มาก เขาพยายามที่จะฝึกฝนในเรื่องของการใช้ความคิด และเขาสามารถค้นหาได้ว่า หลายคนที่ตอนนี้สามารถทำสมาธิให้เป็นปรกติได้ ส่วนมากเคยมีความทรงจำที่ไม่ถึงประสงค์มาก่อน จากการทำวิจัยออกมาแล้วพบว่าร้อยละ 25 เป็นเช่นนั้นจริง
มีการตั้งองค์กรสำหรับการควบคุมสมาธิขึ้น ชื่อว่า Cheetah House เป็นองค์กรที่จัดตั้งขึ้นแบบไม่แสวงหาผลกำไร พวกเขาให้การสนับสนุนในเรื่อง “ผู้ทำสมาธิในความทุกข์” มีผู้ให้ความสนในเข้าร่วมในโครงการนี้ถึงสองหมื่นคน
สิ่งเหล่านี้สามารถทำให้เราได้เห็นว่า ประโยชน์ของการทำสมาธิมีมากมายขนาดไหนสำหรับตอบโจทย์ของคนหลายคนที่กำลังอยู่ในสภาวะความทุกข์ สมาธิช่วยได้อย่างไรเมื่อที่พวกเขาเหล่านั้นกำลังเผชิญกับความเสี่ยงเหล่านี้
กลยุทธของการมีสติจาการทำสมาธิ สามารถเริ่มได้จากการฝึกลมหายใจ ลมหายใจจะสามารถกำหนดความรู้สึก คุณสามารถสแกนทุกอย่างในร่างกายจากลมหายใจ ความรู้สึกที่สามารถเริ่มกำหนดการสแกนได้ตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า เราเรียกได้ว่าเป็นการกำหนดความรู้สึกทางกายภาพ
การได้รับการรับรู้สภาวะรอบด้านส่วนใหญ่จะเริ่มต้นจากการสแกนสมองเพราะสมองเป็นส่วนของการรับรู้ และเป็นส่วนที่จะสัมผัสอารมณ์ การฝึกสมาธิจึงเป็นสิ่งที่จะทำให้คนเราสามารถที่จะสั่งหรือควบคุมอารมณ์ได้ง่ายขึ้น
ด้วยการ “สังเกตการรับรู้” การฝึกสังเกตจากการไม่ต้องได้รับการตอบสนอง หรือต้องนำอารมณ์มาใช้ตัดสินใจ สิ่งเหล่านี้จะช่วยในเรื่องของการควบคุมอารมณ์ได้ดี
Willoghby Britton ผู้ช่วยศาสตราจารย์ด้านจิตเวชศาสตร์และพฤติกรรมมนุษย์ แห่งมหาวิทยาลัย Brown กล่าวไว้ว่า “เรามีผู้คนมากมายที่ติดต่อห้องทดลองและพูดว่า “ฉันไม่รู้สึกอะไรเลย ฉันไม่รู้สึกรักครอบครัวเลย ฉันจะทำอย่างไร และนี่เป็นปัญหาใหญ่”
การใช้วิธีสแกนร่างกายด้วยการใช้กิจกรรม ที่สามารถเพิ่มความเคลื่อนไหวให้กับเยื่อหุ้มสมองภายนอก “มันเหมือนกับว่ามีใครบางคนเปิดปุ่มปรับระดับเสียงขึ้น ความรุนแรงทางอรมณ์ของคุณทั้งหมดก็จะดังขึ้น” Britton กล่าว การทบทวนถึงวิธีความเป็นไปได้ของการทำสมาธิย้อนกลับ
ปฏิกิริยาที่มากเกินไปจากการทำสมาธิที่รุนแรงขึ้น การทำสมาธิมากเกินไปอาจกระทบการนอนหลับ ผลลัพธ์จากการสังเกตผู้เข้ารับการฝึกสติเป็นเวลา 44 วัน ผู้ที่ทำสมาธิเกินกว่า 30 นาทีต่อวัน ติดต่อกันเป็นเวลา 5 วันจะมีแนวโน้มที่มีการนอนหลับที่แย่ลง แต่อย่างไรก็ตาม การมีสติ สามารถทำให้คุณภาพชีวิตของผู้คนดีขึ้น
Credit by :