การประท้วง BLM (|Black Lives Metter) การเคลื่อนไหวทางการเมืองในการปกป้องสิทธิมนุษยชนของคนผิวดำ จากความโหดร้ายของตำรวจและแรงจูงใจทางเชื้อชาติที่มีต่อคนผิวดำ
มีการประท้วงของคนอเมริกันทั้งผิวดำและคนผิดวขาวเกี่ยวกับการเสียชีวิตของ “จอร์จ ฟลอยด์” ชายอเมริกันวัย 46 ปี ที่เสียชีวิตด้วยน้ำมือของตำรวจผิดขาวอเมริกันเมื่อต้นปี 2020 และนี่เป็นการจุดประกายการต่อสู้ของคนผิวดำขึ้นมาอีกครั้ง และเริ่มจริงจังและมุ่งมั่นที่จะหยุดยั้งการเหยียดเชื้อชาติ โดยเฉพาะการใช้ความรุนแรงของตำรวจ หรือแม้กระทั่งเปลี่ยนแปลงทัศนคติ หรือนโยบายต่าง ๆ ที่ทำให้เกิดการเยียดเชื้อชาติ
และพวกเขาเหล่านี้ไม่ได้ต้องการเรียกร้องในกรณีของ จอร์จ ฟลอยด์ เพียงเท่านั้น ยังมีการเสียชีวิตของหญิงผิวดำภายในบ้านของเธอโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจคดีของ บรีออนา เทย์เลอร์ และการเสียชีวิตของคนผิวดำด้วยน้ำมือของตำรวจอเมริกันผิวขาว
ถึงแม้ว่าการชุมนุมประท้วงเพื่อเรียกร้องสิทธิความเท่าเทียมกันของคนผิวดำในอเมริกา จะเกิดขึ้นหลายต่อหลายครั้ง แต่ทว่าผลของมันก็เป็นพียงการเปลี่ยนแปลงสั้นๆ ในช่วงเวลานั้น
ในขณะที่การเหยียดเชื้อชาติอย่างเป็นระบบ ได้กลายเป็นนโยบายระยะยาว ถึงแม้ว่าทุกฝ่ายจะมีความเห็นชอบในความเท่าเทียมนี้ แต่การกระทำความรุนแรงต่อคนผิวดำ ความไม่เท่าเทียมยังคงมีให้เห็นอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะความรุนแรงของเจ้าหน้าที่รัฐต่อคนผิวดำ
และเดือนประวัติศาสตร์ที่ว่านี้ นักเคลื่อนไหวหนุ่ม Peniel E. Joseph ผู้อำนวยการแต่งตั้งศูนย์ศึกษาการแข่งขันและประชาธิปไตยที่ LBJ School of Public Affairs แห่งมหาวิทยาลัย เท็กซัสออสติน และเป็นศาตราจารย์ด้านประวัติศาสต์ เขาเพิ่งเขียนหนังสือชื่อ The Sword and The Shield : The Revolutionary Lives of Malcolm X และ Martin Luther King Jr. ได้รับแรงบันดาลใจในการเคลื่อนไหวเพื่อให้ความเท่าเทียมเกิดขึ้น
Joseph บอกว่า การเปิดจิตวิญญาณของตัวเอง มันสามารถทำให้เกิดอนาคตของความเป็นประชาธิปไตยของคนอเมริกัน ในช่วงเวลาสำคัญของประเทศ การเยียดผิวเราอาจมองได้ว่ามันคือควาามเจ็บป่วยทางสังคม การเมืองเศรษฐกิจที่ตอนนี้มันกำลังแย่ลง และความแตกต่างทางเชื้อชาติเห็นได้ชัดขึ้นจากเหตุการณ์โควิท-19 หรือแม้กระทั่งการเลือกตั้งที่ผ่านมาที่ทำให้เห็นชัดเจนแต่ล่มสลายของความสามัคคี ความแตกแยกทางการเลือกตั้งแห่งประวัติศาสตร์ของอเมริกา เรามองเห็นภาพนี้ได้ชัดเจนจากเลนส์ความเป็นจริงกับ “ประวัติศาสตร์สีดำ”
การพิสูจน์ความเคลื่อนไหวเมื่อปีที่แล้วทำให้เห็นว่า Black Lives Metter ในประวัติศาสตร์เพื่อต้องการยุติธรรมของสังคมที่อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ เห็นได้จากชาวอเมริกันไม่ใช่เฉพาะเพียงคนผิวดำเท่านั้นที่เข้าชุมนุมประท้วง แม้แต่คนอเมริกันผิวขาวก็ไม่เห็นด้วยกับความเหลื่อมล้ำนี้
การเข้าร่วมประท้วงของคนผิวขาวไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์ของ จอร์จ ฟลอยด์ พวกเขาเหล่านี้สามารถสร้างประวัติศาสตร์ที่น่าทึ่งให้กับอเมริกา อาจทำให้สามารถช่วยตัดการเชื่อต่อของความอยุติธรรมทางเชื้อชาติที่มีมาอย่างยาวนาน ที่แม้แต่รากเง้าทางประวัติศาสตร์ที่ฝังลึก การสร้างวิกฤตเชื้อชาติและประชาธิปไตยของคนอเมริกัน
เหตุการณ์ประท้วง เป็นการเปิดประตูสำหรับโอกาส ทุกรุ่นทุกคนสามารถเข้าร่วมและทำให้เกิดเป็นปรากฏการณ์ทางประวัติศาสตร์ที่น่าทึ่ง จำนวนผู้ประท้วงผิวขาวที่มีมากขึ้นกว่าคนผิวดำสำหรับบางรัฐ ทำให้ภาพหลายอย่างเริ่มชัดเจน เช่น วอชิงตัน ยูทาห์ หรือโอเรกอน
ในตอนนี้ ประวัติศาสตร์สีดำ ได้แผ่กระจายครอบคลุมไปทั่วโลก พลังสีดำเหล่านี้ทำให้เห็นแล้วว่าความเหลื่อมล้ำ หรือความอยุติธรรมสำหรับคนผิวดำได้ค่อย ๆ จางไป เห็นได้ชัดจาก การเสนอชื่อชายผิวดำในการเข้าชิงรางวัลโนเบล สาขาสันติภาพของ Martin Luther King Jr. และเขาได้ยอมที่จะเข้ารับรางวัลนี้อย่างน่าภูมิใจ หรือชัยชนะครั้งประวัติศาสตร์ของ Rev. Raphael Wornock จากจอร์เจียต่อวุฒิสภาสหรัฐ และเป็นชาวผิวดำคนแรกในวิถีการเมืองที่ได้รับเลือกตั้ง
และแน่นอนว่า BLM ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงโลก จากช่วงเวลาของความกล้าหาญของสิทธิพลเมือง และการต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชนของคนเหล่านี้ ประวัติศาสตร์สีดำแห่งความทรงพลัง
Credit by :
httpdition.cnn.com/2021/02/04/opinions/what-makes-this-black-history-month-different-joseph/index.htmls://e