รายงานความพร้อม พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานการประชุมคณะผู้บริหารกรุงเทพมหานคร โดยมีคณะผู้บริหารกรุงเทพมหานคร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมประชุม พร้อมรายงานความพร้อมในการเปิดเรียนของโรงเรียนในสังกัดกรุงเทพมหานคร และศูนย์พัฒนาเด็กเล็กก่อนวัยเรียน
มาตรการหลักก่อนเปิดเรียน โดยสำนักงานการศึกษาได้เตรียมพร้อม มาตรการหลักก่อนเปิดเรียน ประกอบด้วย จำกัดผู้ปกครองและบุคคลที่จะเข้ามาในโรงเรียน เน้นย้ำให้มีการสวมใส่หน้ากากอนามัย รักษาระยะห่าง ล้างมือ ทำความสะอาด รวมถึงการค้นหาและติดตามผู้สัมผัสเสี่ยงภายในโรงเรียน โดยทำควบคู่กับมาตรการอื่น เช่น เน้นให้นักเรียนได้เรียนในที่โล่ง โต๊ะอาหารต้องมีฉากกั้น และเว้นระยะห่างนักเรียนกับครัว รวมถึงการจำกัดเวลาในการรับประทานอาหารของนักเรียน เพื่อที่จะให้นักเรียนนั้นมีช่วงเวลาในการถอดหน้ากากที่น้อยลงขณะรับประทานอาหาร
เน้นอาหารปรุงสุกใหม่ รวมถึงการดูแลในเรื่องอาหารที่รับประทานนั้น ทางโรงเรียนก็ต้องปรุงสุกใหม่ทุกมื้อ รวมถึงการจัดเวลาพักรับประทานอาหารให้เหลื่อมเวลากัน เพื่อลดการรวมตัวของนักเรียน การใช้ห้องน้ำก็ต้องจัดสลับกันตามสมควร มีการรอคิวและเว้นระยะห่างกันอย่างชัดเจน พร้อมเน้นย้ำเรื่องการดูแลนักเรียนให้ล้างมือเป็นประจำทุกชั่วโมง
สร้างความเชื่อมั่นให้ผู้ปกครอง โดยในวันที่ 26 ม.ค. นี้ โรงเรียนในสังกัดกรุงเทพมหานคร ทั้ง 437 แห่ง จะจัดกิจกรรมบิ๊กคลีนนิ่งพร้อมกัน เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมหากมีการประกาศให้เปิดการเรียนการสอน เพื่อเป็นการ สร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ปกครอง และสำหรับในส่วนของศูนย์พัฒนาเด็กก่อนวัยเรียนกรุงเทพมหานคร ซึ่งปัจจุบันมีจำนวน 292 ศูนย์ในพื้นที่ 45 สำนักงานเขต (ยกเว้น บางบอน, บางรัก, สัมพันธ์วงศ์, พระนคร และ บางกอกใหญ่) ได้เตรียมความพร้อมเปิดศูนย์แบ่งเป็น 2 ระยะ
ระยะเตรียมการก่อนเปิด ในส่วนของ ระยะเตรียมการก่อนเปิด จะมีการติดตั้งแผ่นกรองอากาศ ทำความสะอาดพื้นผิวการเตรียมสถานที่ และอุปกรณ์ล้างมือ รวมถึงในส่วนของอาสาสมัครที่จะเข้ามาดูแลเด็ก ได้จัดการอบรมหลักสูตรด้านการพัฒนาเด็กปฐมวัย เรื่องการป้องกันโรค เตรียมการแสดงและจัดกิจกรรมโดยมีระยะห่าง รวมถึงทำการประชาสัมพันธ์ให้ผู้ปกครองได้เตรียมเด็กให้มีความพร้อมด้วย หลีกเลี่ยงไปยังสถานที่แออัด และหมั่นให้เด็กล้างมือบ่อยๆ ด้ววยสบู่ หรือเจลแอลกอฮอลล์

ระยะเปิดดำเนินการ ในส่วนของระยะเปิดดำเนินการนั้น ได้แก่
คัดกรองอาสาสมัคร 1. จะมีการ คัดกรองอาสาสมัคร ที่จะมาทำหน้าที่ดูแลเด็ก จะมีการวัดไข้ และซักประวัติโดยละเอียด
คัดกรองผู้ปกครองและเด็ก 2 . จะต้องมีการ คัดกรองผู้ปกครองและเด็กก่อนวัยเรียน จะมีการวัดไข้ และซักประวัติด้วยเช่นกัน
เข้า-ออกทางเดียว 3. ในส่วนของการรับ-ส่งเด็ก นั้น ทางศูนย์ฯ จะต้องมีการ กำหนดช่องทางเข้าและออกทางเดียว และยังจำเป็นต้องเว้นระยะห่าง 2 เมคร จำกัดไม่ให้เกิดความแออัดหรือการรวมกลุ่มกันเกิดขึ้น
สวมหน้ากากอนามัย 4. เน้นย้ำในเรื่องการสวมหน้ากากอนามัย 100%
ล้างมือ 5. จัดให้มีจุด ล้างมือ ด้วยสบู่หรือเจลแอลกอฮอลล์ และล้างมือทุก 1-2 ชั่วโมง
รักษาระยะห่าง 6. จัดอัตราส่วนนักเรียนก่อนวัยเรียน โดยจัดให้มีการทำกิจกรรมไม่เกินกลุ่มละ 5 คน ต่ออาสาสมัครผู้ดูแลเด็ก 1 คน โดย เว้นระยะห่าง ระหว่างกลุ่ม

เท่าที่จำเป็น 7. การจัดกิจกรรมภายในศูนย์นั้นยึดหลัก 2 ตรม. ต่อคน โดยจัดพื้นที่การเรียนรู้เป็นรายบุคคล และ ลดการทำกิจกรรมเท่าที่จำเป็น และใช้อุปกรณ์เป็นรายบุคคลไป
งดกิจกรรมรวมกลุ่ม 8. ควรงดกิจกรรมที่มี การรวมกลุ่ม เช่น การแข่งกีฬา และงดการต่อแถวแบบประชิด
ทำความสะอาดบ่อย 9. ทำความสะอาดบริเวณพื้นผิวที่มีการสัมผัสบ่อยๆ รวมถึงการกำจัดขยะมูลฝอยที่ต้องกำจัดทุกวัน
อุปกรณ์เพียงพอ 10. อปุกรณ์สื่อการเรียนส่งเสริมพัฒนาการของเด็กทุกประเภท มีเพียงพอ แก่เด็กทุกคน
ทำความสะอาดทุกวัน 11. อุปกรณ์และของใช้เด็กที่ทำจากผ้า เช่น ผ้าปูที่นอน ผ้าเช็ดตัว ปลอกหมอน ต้องทำความสะอาดทุกวัน

ทำความสะอาดร่างกาย 12. อาสาสมัครที่ทำหน้าที่ดูแลเด็กนั้น ต้อง ทำความสะอาดร่างกายก่อนปฏิบัติหน้าที่
ตรวจร่างกาย 13. อาสาสมัครที่ทำหน้าที่ดูแลเด็กต้องตรวจร่างกายประจำปี ปีละ1 ครั้ง
ปฏิบัติอย่างเคร่งครัด 14. ต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคที่ทางราชการกำหนดอย่างเคร่งครัด
เครดิตภาพ : ประชาชาติธุรกิจ, ข่าวหุ้นธุรกิจ, https://tharahat.go.th